10 ที่เที่ยวเด็ดของไทยที่ต้องไปปักหมุด
1. อ่างมรกต บ่อปลาธรรมชาติ หล่ม
ภูเขียว จังหวัดลำปาง
สระน้ำธรรมชาติที่โอบโดยล้อมรอบไปด้วย ภูเขาหินปูนที่มีอายุหลายร้อยล้านปี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง ในบริเวณแอ่งน้ำในสะอาดสีเขียวมรกตแห่งนี้เป็นที่อยู่ของปลาจำนวนมาก ชาวบ้านในพื้นที่มีความเชื่อกันว่าแอ่งน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีพญางูใหญ่อาศัยอยู่ นอกจากนั้นก็ยังเคยเป็นสถานปฏิบัติธรรมในอดีต ดังนั้นจึงห้ามทำการจับปลาในบริเวณนี้ นอกจากจะได้มาชมความสวยงามของแอ่งน้ำแห่งนี้แล้ว บริเวณรอบๆ ยังเป็นที่ตั้งของถ้ำโบราณ น้ำตก จุดชมนกหายาก และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยงาม
2.ปางอุ๋งสุพรรณ อ่างเก็บน้ำเขาวง จังหวัดสุพรรณบุรี
อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่มาแรงที่สุดในช่วงต้นปี 2559 เลยก็ว่าได้ อ่างเก็บน้ำเขาวงตั้งอยู่ที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ไฮไลท์เด่นของการมาเที่ยวพักผ่อนที่นี่ คือ บ้านแพริมน้ำและบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับปางอุ๋งเป็นอย่างมาก เพราะมีภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยทิวเขาและมีอากาศเย็นสบาย และถ้าหากคุณอยากจะกางเต็นท์นอนชมดาว ทางชุมชนเขาก็มีลานกางเต็นท์ให้ได้แค้มป์ปิ้ง และยังมีบริการเรือพายชมวิวอีกด้วย เรียกว่าก่อกองไฟ นอนชมดาวและตื่นมาชมแสงแรกของวันท่ามกลางปุยหมอกจางๆ รับวันใหม่แบบชิลๆ
3. พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก จังหวัดยโสธร
4. หินชมนภา จังหวัดอุบลราชธานี
หินกลางน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในเขตของหาดชมดาวแห่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี ก้อนหินขนาดมหึมหารูปทรงประหลาดเหล่านี้ในช่วงฤดูน้ำหลากจะจมอยู่ภายใต้ลำน้ำโขง และเมื่อน้ำลดจะโผล่ขึ้นมาเป็นแก่งหินกลางน้ำ ว่ากันว่าหากได้ไปยืนชมวิวบนหินชมนภาเหล่านี้จะได้ชมภาพวิวทิวทัศน์รอบด้านที่สวยงามจับใจ นอกจากนั้นทัศนียภาพบริเวณรอบๆ หาดชมดาวแห่งนี้ก็มีความสวยอัศจรรย์ไม่แพ้แก่งหินสามพันโบกเลย ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ หาดหินริมโขงแห่งนี้ยังนับเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ที่หลายๆ คนยังมักเข้าใจผิดว่าเป็นสถานที่เดียวกับสามพันโบกที่เป็นที่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้
5.เมืองบาดาล ถ้ำพญานาค จังหวัดหนองคาย
โพรงถ้ำใต้ดินโบราณที่มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังแม่น้ำโขง รู้จักกันในนามว่า “ถ้ำดินเพียง” หรือ “ถ้ำพญานาค” ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ได้ตามรอยสัตว์ป่าที่เข้ามาหากินในบริเวณสวน ภายในโพรงถ้ำแห่งนี้มีเส้นทางเชื่อมต่อกันมากมายจนเหมือนเขาวงกตแต่ก็มีทางทะลุไปถึงกันหมด ที่สำคัญรูปทรงของโพรงถ้ำภายในนั้นก็มีลักษณะแปลกตาคล้ายกับทางเลื้อยของพญานาคจนกลายมาเป็นคำเล่าลือว่าน่าจะเป็นถ้ำของพญานาคที่อาศัยอยู่ในลำน้ำโขงตามความเชื่อเก่าแก่ของท้องถิ่น ในปัจจุบันถ้ำแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดถ้ำศรีมงคล การเข้าไปชมค่อนข้างลำบากสักหน่อยและจะต้องนำทางโดยไกด์ท้องถิ่นเท่านั้น
6. ซูตองเป้ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
7. สวนสนบ่อแก้ว ทิวสน-ทางเดินแห่งรัก เกาะนามิเมืองไทย จังหวัดเชียงใหม่
สถานีทดลองปลูกพรรณไม้บ่อแก้ว สังกัดกรมป่าไม้ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นชื่อเรื่องทิวป่าสนสวยงามคล้ายคลึงกับเส้นทางรักที่ขนาบด้วยทิวสน ณ เกาะนามิ เกาหลีใต้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าสวนสนแห่งนี้จึงเป็นจุดพักการเดินทางยอดฮิตล่าสุดของคู่รักนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเชียงใหม่ เพราะนอกจากจะได้เกี่ยวก้อยเดินชมธรรมชาติแล้ว อากาศในสวนป่าสนแห่งนี้ก็ยังค่อนข้างเย็น เรียกได้ว่าได้บรรยากาศโรแมนติกกันอย่างเต็มๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวก็จะเกิดไอหมอกจางๆ ในยามเช้าอีกด้วย
8. หาดทรายดำ จังหวัดตราด
9.เขาหงอนนาค จังหวัดกระบี่
ยอดเขาแดนใต้แห่งนี้เป็นจุดชมทะเลหมอกแห่งใหม่ที่สวยงามไม่แพ้ที่ชมทะเลหมอกในภาคเหนือหรือภาคอีสานเลย ทั้งนี้การขึ้นไปชมความงามของวิวมุมสูงบนยอดเขานั้นก็ต้องแลกด้วยการเดินอึดขึ้นเขาอย่างต่ำ 2 ชั่วโมง โดยในช่วงทางขึ้นเขาตอนบนจะค่อนข้างชันมาก แต่ขอบอกเลยว่าวิวบนยอดเขาริมทะเลแห่งนี้จะทำให้คุณลืมเหนื่อยและอยากหยุดเวลาไว้ ณ อึดใจที่คุณเห็นวิวเบื้องหน้า สำหรับคนที่อยากชมทะเลหมอกคงต้องเน้นให้มาในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนพฤษภาคมที่อากาศค่อนข้างเย็นและจะเห็นหมอกหนาที่สุด ในขณะที่ช่วงอื่นๆ ของปี จุดชมวิวแห่งนี้ก็สวยไม่แพ้กัน เพราะสามารถมองวิวออกนอกทะเลไปได้ไกลถึงทะเลแหวกและเกาะยาวโน่นเลย เขาหงอนนาคตั้งอยู่ในเขตอุทยานทับแขกหงอนนาค อำเภอคลองม่วง จังหวัดกระบี่ และเป็นหนึ่งในเส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี
10. หาดสันหลังมังกร จังหวัดสตูล
หาดสันหลังมังกรหรือ “ทะเลแหวกแห่งจังหวัดสตูล” ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าที่สตูลนั้นมีทะเลแหวกอยู่ด้วยกันหลายแห่งแต่แห่งที่ยาวที่สุดนั้นมีความยาวกว่า 5 กิโลเมตรและกว้างกว่า 700 เมตร นับว่าเป็นทะเลแหวกที่มีความยาวที่สุดของประเทศไทย โดยทะเลแหวกแห่งนี้เรียกกันว่า “สันหลังมังกรทับทิมสยาม” ลักษณะพิเศษอีกอย่างของสันหลังมังกรแห่งนี้ คือ ฝูงปูแดงมากมายที่มีอยู่กระจัดกระจายเต็มหาดจนเป็นไฮไลท์อีกอย่างที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชม นอกจากนั้นในช่วงเดือนมีนาคม 2559 ก็จะมีงานประกวดภาพถ่าย “สันหลังมังกรแห่งท้องทะเลตรัง” ที่จัดขึ้นเพื่อโปรโมทที่เที่ยวอันซีนแห่งนี้ให้เป็นที่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ผู้สนใจเข้าร่วมประกวดสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานจังหวัดตรัง
facebook https://www.facebook.com/tourandservice/
twitter https://twitter.com/tourandservice
www.tourandservice.net
www.tourandservice.com
www.tourandservices.com
M.O.TOURANDSERVICE CO.LTD www.tourandservice.com
license no.11/04924
incentive group tour,เที่ยวแบบครอบครัว เที่ยวเป็นคณะ private
ศูนย์รวมทัวร์ดีมีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ
sport day ,walk rally, car rally ,boat rally สัมนาพัฒนาองค์กร
คิดถึง tourandorganize คิดถึงความสุข นึกถึงเรา M.O.TOURANDSERVICE
TEL : 0851635888 0852415888