นอกจากนี้ยังมีลวดลายประดับตามฝาผนังที่มีความพิเศษตรงการใช้กระจกสีนำเข้าจากญี่ปุ่น แล้วตัดให้เป็นชิ้นเล็กๆมาประดับแบบโมเสค เล่าเรื่องพุทธศาสนาและวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบาง อ้อ แล้วอย่าลืมเดินไปบริเวณผนังด้านหลังอุโบสถด้วยนะ เพราะมีทีเด็ดตรงที่ภาพประดับกระจกรูปต้นทอง ทั้งวิจิตรและงดงาม มีประกายสะท้อนวิบวับสุดๆ

 

2.พระราชวังหลวงพระบาง  หลวงพระบาง

พระราชวังหลวงพระบางนั้นสวยงามไม่แพ้ของไทยเราจริงๆ เป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมอย่างลงตัวระหว่างศิลปะยุคอาณานิคมกับศิลปะแบบล้านช้าง ดังจะเห็นได้จากอาคารสไตล์ฝรั่งแต่มีหลังคาแบบทรงลาว ตัวพระราชวังเป็นหมู่อาคารเตี้ยๆชั้นเดียว ตั้งอยู่บนพื้นยกสูงริมแม่น้ำโขง หันหน้าเข้าสู่พระธาตุพูสี และมีสภาพบรรยากาศที่ร่มรื่น ซึ่งพระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 2447 สมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์

โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น รัฐบาลลาวได้เปลี่ยนเป็น ‘หอพิพิธภัณฑ์’ที่จัดแสดงโบราณวัตถุและของมีค่าต่างๆ เช่น พระบาง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวลาวประดิษฐานอยู่ในหอไตร ถ้าจะมาเข้าชมจะต้องแต่งกายให้สุภาพนะ แล้วที่นี่เขาเปิดทุกวันยกเว้นวันอังคาร แบ่งเป็นช่วงเช้าและช่วงบ่าย

 

3.น้ำตกตาดกวางสี หลวงพระบาง

จุดเด่นของหลวงพระบางในแง่ของธรรมชาติคือน้ำตกตาดกวางสี ซึ่งเป็นน้ำตกหินปูน จึงทำให้มีน้ำสีเขียวมรกตแถมยังใสมากๆอีกด้วย มีความสูงกว่า 70 เมตร แวดล้อมไปด้วยป่าอันร่มรื่นยังกับอยู่ในป่าหิมพานต์เลย ซึ่งน้ำตกตาดกวางสีนับว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดและเปรียบเสมือนสวรรค์กลางป่าแห่งหลวงพระบาง จนทำให้ฝรั่งแถบยุโรปชอบมาตั้งแคมป์และผจญภัยกันที่นี่

ก่อนถึงน้ำตกเราก็จะต้องผ่านเส้นทางเดินป่า ทำให้ได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ณ หลวงพระบาง เมื่อมาถึงน้ำตกเราสามารถลงเล่นน้ำบริเวณลำธารให้ชุ่มฉ่ำกาย หรือจะเดินเล่นพลางถ่ายรูปบนสะพานที่ทอดข้ามผ่านลำธาร ก็ฟินไปอีกแบบ เสียค่าเข้าชมเพียงคนละ 10,000 กีบ (40 บาท) เท่านั้น

 

4.ตักบาตรข้าวเหนียว หลวงพระบาง

มาถึงหลวงพระบางจะตักบาตรธรรมดาๆได้ไง เพราะที่หลวงพระบาง เขามีประเพณีท้องถิ่นขึ้นชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือ ตักบาตรข้าวเหนียว พิกัดบริเวณหน้าวัดแสน โดยเราสามารถหาซื้อข้าวเหนียวมาใส่บาตรได้ตามร้านข้างทาง ซึ่งจะตั้งโต๊ะไว้ขายข้าวเหนียวและอาหารแห้งต่างๆ สนนราคาอยู่ที่ 10,000 กีบเท่านั้น หลังจากเตรียมของใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว ก็ให้นั่งลงบริเวณที่เขาปูเสื่อไว้ให้เป็นทางยาว สำรวมกิริยามารยาทและอย่าส่งเสียงดัง

เมื่อถึงเวลาเหล่าพระสงฆ์และสามเณรก็จะเริ่มทยอยออกบิณฑบาตร เราจึงค่อยนำข้าวเหนียวใส่บาตร ซึ่งจำนวนพระสงฆ์ในหลวงพระบางนั้นก็มีเยอะมากนับร้อยรูป จึงไม่ต้องกลัวเลยว่าจะใส่บาตรกันไม่ทัน หลังพิธีเสร็จใครจะเดินเที่ยวชมเมืองต่อก็ไม่ว่ากัน เพราะอากาศยามเช้าที่นี่มันสดชื่นมากๆ แถมยังได้ค่อยๆซึมซับวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบาง สโลว์ไลฟ์สุดๆไปเลย

 

5.พระธาตุพูสี   หลวงพระบาง

บางคนถึงกับบอกว่าหากไม่ได้มาพระธาตุพูสีก็เหมือนมาไม่ถึงหลวงพระบาง เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมความอเมซิงของหลวงพระบาง ขึ้นชื่อทั้งพระธาตุบนยอดเขาพูสีที่มีความสูงกว่า 150 เมตร สามารถมองเห็นได้แต่ไกลจากทุกมุมเมืองเลยก็ว่าได้ ตัวพระธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมสีทอง มียอดที่ประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริดเจ็ดชั้น สูงประมาณ 21 เมตร

และมีจุดชมวิวที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง มองเห็นวิวได้ 360 องศา ถึงแม้จะต้องเดินขึ้นบันได 328 ขั้นมันก็คุ้ม แถมระหว่างทางยังร่มรื่นไปด้วยต้นจำปา ยิ่งถ้ามาในช่วงบ่ายแก่ๆก็จะเห็นองค์พระธาตุกลายเป็นสีทองสุก หรือใครมาช่วงเย็นเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกลับแม่น้ำโขง ก็จะได้ชมวิวที่สวยงามจับใจไปอีกแบบ

 

6.ตลาดมืด , ตลาดเช้า    หลวงพระบาง

พูดชื่อตลาดมืดแล้วอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตลาดขายของผิดกฏหมายล่ะ เพราะจริงๆแล้วมันคือตลาดกลางคืนที่ขายของแทบจะทุกชนิดเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดสกรีนภาษาลาว งานฝีมือ ผ้าทอ ร่มกระดาษสา กระเป๋าผ้าลวดลายสวยงาม ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ ภาพวาดจากศิลปินท้องถิ่น  เสื้อผ้าแบบพื้นเมือง และอีกมากมายจนนับไม่หมด ในตอนกลางวันนั้นตลาดมืดก็จะแปรเปลี่ยนเป็นตลาดเช้า มีผักสดและผลไม้ท้องถิ่นต่างๆวางขายอย่างเรียงราย

 

อีกทั้งยังมีร้านอาหารพื้นเมืองให้เราได้ลิ้มรสอาหารลาวแท้ๆ ซึ่งเราขอแนะนำเมนู เมี่ยงคำลาว ทำมาจากการนำใบผักต่างๆมาสอดไส้ถั่วหวานที่ผัดกับมะเขือ ผสมกับเส้นขนมจีน ทานคู่กับน้ำพริกแห้งและถั่วลิสงคั่ว นับเป็นอาหารจานเด็ดที่มีรสชาติกลมกล่อมมากๆ ตลาดมืดจึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสุดฮิตที่มีครบจริงๆ ใครมีเวลาว่างๆก็อย่าลืมแวะ